【จากโอซาก้าไปอีกนิด】 ศิลปะ อาหาร และกิจกรรมเพียบ! สนุกไปกับการเที่ยวโอคายามะด้วยบัตรสุดคุ้ม "Have Fun in Okayama Pass"!

พื้นที่โอคายามะเคยรุ่งเรืองในฐานะเมืองรอบปราสาท จึงมีทั้งย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ย้อนยุค สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และคาเฟ่เก๋ๆ กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง แนะนำให้ลองขึ้นรถรางจากสถานี JR โอคายามะ เพื่อออกเดินสำรวจเมืองดู
จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเที่ยวโอคายามะคือ “สวนโคราคุเอน โอคายามะ” หนึ่งในสามสวนที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น สวนแห่งนี้เป็นสวนญี่ปุ่นแบบไคยูชิกิ (สวนที่สามารถเดินชมได้โดยรอบ) เชื่อมต่อด้วยเส้นทางเดินและทางน้ำที่ไหลผ่านภูเขาจำลอง บ่อน้ำ และโรงน้ำชา ภายในสวนมีลำธารที่เรียกว่า "เคียวคุซุย" (Kyokusui) ยาวประมาณ 640 เมตรไหลวนผ่านสวน ก่อนจะกลายเป็นบ่อและน้ำตก สร้างทิวทัศน์ที่งดงามอย่างยิ่ง เหมาะแก่การใช้เวลาผ่อนคลาย พร้อมชมความงามของดอกไม้ตามฤดูกาล ทั้งซากุระ ดอกบัว และคามีเลียที่บานสลับกันไปตลอดปี

ติดกับสวนโคราคุเอนคือ ปราสาทโอคายามะ ที่มีตัวปราสาทสีดำสนิทโดดเด่น จนได้รับสมญานามว่า "ปราสาทอีกา" (อุโจ) ทัศนียภาพที่ตัดกันอย่างลงตัวระหว่างตัวปราสาทสีดำกับสวนสีเขียวอันร่มรื่นนับเป็นความงดงามที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ภายในตัวปราสาทจัดเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ และยังมีการจำลองห้อง "ชิโระโนะมะ" ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบโชอินอันแสดงถึงอำนาจและบารมีของเจ้าปราสาท ในส่วนของลานปราสาท (ฮงมารุ) ยังมีโบราณสถานที่น่าชม เช่น ก้อนหินขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "คางามิอิชิ" และซากฐานป้อมปราการไดนันโดะยากุระ
นอกจากนี้ สวนโคราคุเอนและปราสาทโอคายามะยังมีการจัดอีเวนต์ประดับไฟสุดอลังการปีละ 3 ครั้งในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง ให้ผู้มาเยือนได้ชมบรรยากาศอันสวยงามเหนือจินตนาการอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอาหารชุด "โทโนะซามะโนะโกะจิโซโจ" ที่รังสรรค์จากเมนูอาหารและสำรับเลี้ยงรับรองของเจ้าเมืองโอคายามะในอดีต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ควรลิ้มลอง โดยสามารถหาทานได้ที่ 4 ร้านอาหารภายในตัวเมือง รวมถึง โรงแรม Hotel Granvia Okayama ด้วย

พื้นที่คุราชิกิเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอีกแห่งของโอคายามะ ที่ประวัติศาสตร์และศิลปะผสานกันอย่างลงตัว สถานที่แรกที่ควรไปเยือนคือ ย่านเมืองเก่าคุราชิกิ (Kurashiki Bikan Historical Quarter) ที่ยังคงอนุรักษ์ทิวทัศน์เมืองการค้าสมัยโบราณเอาไว้อย่างงดงาม อาคารโกดังสีขาว ผนังลายนามาโกะ และแนวต้นหลิวที่เรียงรายเลียบคลองคุราชิกิ สร้างบรรยากาศที่เปี่ยมเสน่ห์ นอกจากการเดินเล่นชมบรรยากาศตามตรอกซอกซอยและบ้านเรือนเก่าแก่แล้ว การนั่งเรือไม้ล่องไปตามคลองเพื่อชมเมืองจากบนผิวน้ำก็เป็นประสบการณ์พิเศษที่ไม่ควรพลาด

บริเวณหนึ่งของย่านเมืองนี้มี พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Museum of Art) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกของเอกชนแห่งแรกในญี่ปุ่น โดยจัดแสดงผลงานชิ้นเอกจากศิลปินชื่อดังระดับโลก เช่น ภาพเขียน "การแจ้งข่าวการประสูติของพระเยซู" โดยเอล เกรโก รวมทั้งภาพเขียนจากจิตรกรตะวันตกชื่อดังอื่นๆ เช่น โคลด โมเนต์, เรอนัวร์ และโกแก็ง ให้ผู้เข้าชมได้ดื่มด่ำกับผลงานระดับมาสเตอร์พีซอย่างใกล้ชิด

ในยามค่ำคืน ย่านเมืองเก่าคุราชิกิจะมีการจัดไฟประดับทั่วบริเวณ (Nightscape Illumination) โดยผลงานการออกแบบแสงไฟของคุณอิชิอิ โมโตโกะ (Ishii Motoko) ศิลปินชื่อดังระดับโลก ซึ่งจะเปลี่ยนคุราชิกิให้กลายเป็นเมืองที่งดงามชวนฝันในบรรยากาศที่แตกต่างจากช่วงกลางวันอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษตามฤดูกาลอีกมากมาย เช่น
・“Art de Flat Kurashiki” กิจกรรมสะสมแสตมป์โดยเดินเที่ยวชมแกลเลอรี่และร้านขนมหวานทั่วเมือง
・“Kurashiki Afternoon Tea” ที่นำเสนอเมนูพิเศษเฉพาะฤดูกาลจากผลไม้ขึ้นชื่อของโอคายามะ เช่น ลูกพีชขาว องุ่น และสตรอว์เบอร์รี
แนะนำให้ตรวจสอบตารางการจัดกิจกรรมล่วงหน้า เพื่อไม่ให้พลาดความสนุกในช่วงเดินทาง

นอกจากนี้ หากเดินทางต่อไปยังบริเวณทะเลเซโตะอุจิ ยังมี โคจิมะ ยีนส์ สตรีท (Kojima Jeans Street) ในเขตโคจิมะ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกางเกงยีนส์แห่งแรกของญี่ปุ่น ลองมาค้นหายีนส์ตัวโปรดที่ถูกใจได้ที่เมืองแห่งยีนส์แห่งนี้ และเมื่อมาเยือนย่านนี้แล้ว ก็ไม่ควรพลาดขึ้นรถบัสชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ภูเขาวาชู (Washuzan Sunset Viewing Bus) เพื่อดื่มด่ำกับวิวอันงดงามของสะพานเซโตะโอฮาชิในยามเย็นอีกด้วย

พื้นที่สึยามะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดโอคายามะ ยังคงรักษาบรรยากาศของเมืองปราสาทเก่าแก่เอาไว้อย่างดีเยี่ยม โดยมี ปราสาทสึยามะ (สวนคาคุซัง) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งอยู่ใจกลางเมือง ภายในบริเวณปราสาทยังคงหลงเหลือกำแพงหินสูงกว่า 10 เมตรตั้งแต่สมัยแรกสร้าง รวมทั้งมีหอป้อมปราการบิทจูยากุระ (Bitchu Yagura) ที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้ได้ชมกันอย่างจุใจ
ปราสาทสึยามะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "100 ปราสาทที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น" และ "100 จุดชมซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น" ภายในสวนมีต้นซากุระกว่า 1,000 ต้น ที่จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พร้อมกับทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละฤดู ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยสีเขียวสดใส หรือฤดูใบไม้ร่วงที่งดงามด้วยใบไม้เปลี่ยนสี

พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้รถไฟสึยามะ (Tsuyama Manabi no Tetsudo-kan) ซึ่งดัดแปลงมาจากโรงรถไฟทรงครึ่งวงกลมเก่าของสึยามะ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถสนุกไปกับการชมขบวนรถไฟโบราณ และทำความรู้จักกับกลไกของรถไฟได้อย่างเพลิดเพลิน จึงได้รับความนิยมจากครอบครัวที่มีเด็กเป็นอย่างมาก
หากต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างเต็มที่ ขอแนะนำให้ไปเยือน หุบเขาโอคุทสึ (Okutsu-kei) ที่ทอดยาวประมาณ 3 กิโลเมตรตามลำน้ำโยชิอิ สามารถเดินเล่นตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติอันงดงามที่เต็มไปด้วยโขดหินแปลกตาและน้ำตกต่างๆ ที่กระจายอยู่ตลอดเส้นทาง ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายไม่ว่าจะมาเยือนในฤดูไหน โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ทั้งหุบเขาจะกลายเป็นสีแดงสด เป็นทิวทัศน์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

ในการเดินทางจากโอคายามะไปยังสึยามะ แนะนำให้ใช้บริการรถไฟท่องเที่ยวขบวนพิเศษ 「ซากุบิ ซากุระ(SAKUBI SAKURA)」 ที่มีตัวรถสีชมพูอ่อนดูน่ารัก ภายในตกแต่งด้วยบรรยากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติในพื้นที่ตอนเหนือของจังหวัด อีกทั้งยังมีชุดข้าวกล่องและชุดขนมหวานให้สั่งจองล่วงหน้าได้ ช่วยให้เพลิดเพลินกับการเดินทางบนเส้นทางรถไฟท้องถิ่นอย่างสบายๆ

นอกจากนี้ ขอแนะนำให้เดินทางไปยัง พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองนางิ (Nagi Museum of Contemporary Art) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองนางิ ติดกับเมืองสึยามะ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสพื้นที่ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรม ศิลปะ และธรรมชาติ พร้อมชมทิวทัศน์อันงดงามของภูเขานางิ (Mt. Nagi) อีกด้วย

พื้นที่บิเซ็นทางตะวันออกของจังหวัดโอคายามะ เป็นจุดหมายที่เหมาะแก่การสัมผัสวัฒนธรรมและเทคนิคดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่โด่งดังที่สุดในย่านนี้คือ เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น (Bizen-yaki) ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี และถือว่าเก่าแก่ที่สุดในบรรดา 6 เตาเผาโบราณของญี่ปุ่น (Rokkoyo) โดยจุดเด่นคือการเผาด้วยอุณหภูมิสูงถึง 1,200–1,300 องศาเซลเซียส โดยไม่ใช้เคลือบ ทำให้ลักษณะเฉพาะของเนื้อดิน ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ รวมทั้งเถ้าและถ่านที่กระเด็นไปติดผิว เกิดเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้รับการขนานนามว่า "ศิลปะแห่งดินและเปลวไฟ"
ในบริเวณเมืองอิมเบะ (Imbe) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญ เต็มไปด้วยโรงเผาเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นมากมาย ผู้มาเยือนสามารถเลือกซื้อผลงานได้โดยตรง หรือจะลองร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปทำเครื่องปั้นดินเผาเพื่อสร้างสรรค์ภาชนะในแบบของตัวเองก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เมืองบิเซ็นโอซาฟุเนะยังเป็นแหล่งผลิตดาบญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง โดยมีดาบจำนวนมากที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ที่ พิพิธภัณฑ์ดาบบิเซ็นโอซาฟุเนะ (Bizen Osafune Sword Museum) มีการจัดแสดงดาบญี่ปุ่นจำนวนมากโดยแบ่งตามหัวข้อต่างๆ และยังมีโรงงานที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์ให้ผู้เข้าชมสามารถดูขั้นตอนการทำงานของช่างตีดาบได้จริงอีกด้วย
ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของดาบญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง รวมถึงชมการสาธิตตีดาบแบบโบราณและเข้าร่วมเวิร์กช็อปผลิตมีดขนาดเล็ก โดยกิจกรรมบางส่วนต้องจองล่วงหน้า จึงแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทาง

พื้นที่ทาคาฮาชิ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดโอคายามะ รายล้อมด้วยภูเขาและยังคงมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน จุดที่ไม่ควรพลาดคือหมู่บ้านเก่า ฟุคิยะ ฟุรุซาโตะ (Fukiya Furusato Village) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของญี่ปุ่น (Japan Heritage)
เมื่อได้เดินชมเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนหลังคากระเบื้องเซกิชูสีแดงเข้ม และบ้านไม้ที่ทาด้วยสีเบงการะ ซึ่งเป็นเม็ดสีแดงอมน้ำตาลที่ทำจากเหล็กออกไซด์ เรียงรายตลอดเส้นทาง จะรู้สึกราวกับย้อนเวลาไปในอดีต อาคารเก่าแก่ที่ยังหลงเหลือจำนวนมากได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มอาคารเก่าแก่ที่สำคัญของชาติ (Important Preservation District for Groups of Traditional Buildings)
เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตเม็ดสีเบงการะ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นต้นกำเนิดของสีแดงที่เรียกกันว่า "Japan Red" อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังมีสถานที่สำคัญอีกมากมาย เช่น บ้านเก่าตระกูลคาตายามะ (Former Katayama Family Residence), อาคารโรงเรียนประถมฟุคิยะหลังเก่า (Former Fukiya Elementary School) และอุโมงค์ซาซะอุเนะ (Sasaune Mine Tunnel) ที่เป็นร่องรอยเหมืองแร่ทองแดงเก่า รวมถึงยังมีคาเฟ่เก๋ๆ และร้านค้าเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วเมือง อีกทั้งยังสามารถทดลองทำผ้ามัดย้อมสีเบงการะได้อีกด้วย

ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่น ดินที่อุดมสมบูรณ์ และเทคนิคการเพาะปลูกที่สั่งสมมากว่า 150 ปี จังหวัดโอคายามะจึงได้ชื่อว่าเป็น "อาณาจักรผลไม้" ที่มีผลไม้หลากหลายชนิดให้ลิ้มลองตลอดทั้งปี โดยเฉพาะลูกพีชขาวและองุ่น รวมถึงเมลอน สตรอว์เบอร์รี ลูกพลับ และลูกแพร์ที่มีชื่อเสียง
ภายในเมืองโอคายามะมีโครงการที่ชื่อว่า "Fruit Parfait no Machi Okayama" ซึ่งสามารถอิ่มอร่อยไปกับพาร์เฟต์ผลไม้สดตามฤดูกาลได้ตามร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร และฟาร์มต่างๆ โดยเมนูพาร์เฟต์จากผลไม้ตามฤดูกาลนี้ยังมีหน้าตาสวยงาม ถ่ายรูปสวย และเป็นที่นิยมอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวที่สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมเก็บผลไม้สดได้อีกมากมายในจังหวัด ซึ่งการได้เก็บและชิมลูกพีชขาวและองุ่นคุณภาพสูงระดับแนวหน้าของญี่ปุ่นในพื้นที่ผลิตโดยตรงนั้น ถือเป็นประสบการณ์สุดหรูที่หาไม่ได้ง่ายๆ อีกด้วย

"สามออนเซ็นแห่งมิมาซากะ" คือชื่อเรียกรวมของ 3 แหล่งออนเซ็นชื่อดังของญี่ปุ่นตะวันตกที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดโอคายามะ ได้แก่ ยูโนะโกออนเซ็น (Yunogo Onsen), ยูบาระออนเซ็น (Yubara Onsen) และ โอคุสึออนเซ็น (Okutsu Onsen)
ที่ ยูโนะโกออนเซ็น (Yunogo Onsen) มีบริการรถบัสรับส่งฟรีจากสถานี JR Okayama สำหรับผู้เข้าพัก ทำให้เดินทางสะดวกสบาย น้ำพุร้อนแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี และมีคุณสมบัติของน้ำแร่เรเดียมที่มีฟองอากาศละเอียด ซึ่งหาได้ยากในระดับโลก ช่วยให้ผิวพรรณเรียบลื่น จนถูกขนานนามว่า "น้ำแร่แห่งความงาม"
หากมาเยือนที่นี่ อย่าพลาด ยูโนะโกะ ซางิ ออนเซ็นคัง (Yunogo Sagi Onsen-kan) ซึ่งเป็นออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับที่ใช้น้ำแร่จากต้นกำเนิดยูโนะโกออนเซ็นโดยตรง มีอ่างอาบน้ำที่หลากหลาย ทั้งอ่างอาบน้ำถ้ำ อ่างกลางแจ้ง และอ่างเจ็ต เป็นต้น

ยูบาระออนเซ็น (Yubara Onsen) ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติริมแม่น้ำอาซาฮี โดยมีจุดเด่นคืออ่างอาบน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ชื่อว่า "สึนะยุ (Sunayu)" ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขื่อนยุบาระ ซึ่งเป็นออนเซ็นแบบหายากที่น้ำแร่จะผุดขึ้นมาจากใต้พื้นอ่างโดยตรง หรือที่เรียกว่า "อาชิโมโตะ ยุชุตสึ (Ashimoto Yushutsu)"
นอกจากนี้ ในตัวเมืองออนเซ็นยังมีผลงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซาลาแมนเดอร์ยักษ์ญี่ปุ่น (โอซันโชอุโอะ) ซึ่งเป็นสัตว์สงวนพิเศษของญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำบริเวณนี้ จัดแสดงอยู่ตามจุดต่างๆ ให้สามารถเดินเล่นชมเมืองอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

โอคุสึออนเซ็น (Okutsu Onsen) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีทิวทัศน์งดงาม รายล้อมด้วยลำน้ำใสของแม่น้ำโยชิอิ และภูเขาเขียวขจี ที่นี่มีเรียวกังเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 90 ปีจำนวนมาก และยังคงบรรยากาศย้อนยุคเสมือนได้ย้อนกลับไปในยุคโชวะอีกครั้ง

ที่ สามออนเซ็นแห่งมิมาซากะ จะมีการจัดงานศิลปะแบบหมุนเวียนชื่อว่า"Mimasaka Santo Geijutsu Ondo" โดยจัดแสดงผลงานศิลปะตามที่พักออนเซ็นและสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ โดยจะจัดขึ้นทุก 3 ปี แต่บางจุดยังมีผลงานจากการจัดแสดงในอดีตให้ชมแบบถาวรอีกด้วย ทำให้สามารถสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่แบบ "ออนเซ็น × ศิลปะ" ได้ตลอดเวลา

เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติเซโตะอุจิ (Setouchi Triennale) เป็นงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยระดับโลกที่จัดขึ้นทุก 3 ปี โดยมีเกาะต่างๆ ในทะเลเซโตะอุจิเป็นเวทีในการจัดแสดง ผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นและต่างประเทศกระจายตัวอยู่ตามเกาะต่างๆ ทำให้สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นชมเกาะและสัมผัสผลงานศิลปะได้อย่างใกล้ชิด
จุดเริ่มต้นการเดินทางจากเกาะฮอนชูสู่เกาะต่างๆ ในทะเลเซโตะอุจิคือ "พื้นที่ท่าเรืออุโนะ (Uno Port Area)" โดยมีผลงานศิลปะมากมายตั้งอยู่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ ท่ามกลางทิวทัศน์ของเมืองท่าที่สวยงาม ทำให้สามารถดื่มด่ำกับศิลปะได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงรอเรือเฟอร์รี่ หรือช่วงเวลาพักผ่อนในคาเฟ่และร้านอาหาร
อีกหนึ่งจุดที่ควรไปเยือนคือเกาะอินุจิมะ (Inujima) ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ "Inujima Seirensho Art Museum" ที่สร้างขึ้นจากพื้นที่ของอดีตโรงถลุงทองแดงเก่าในสมัยเมจิ และผสมผสานเข้ากับงานศิลปะได้อย่างลงตัว ซากปรักหักพังของโรงถลุงทองแดงขนาดใหญ่ในอดีตยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มมรดกอุตสาหกรรมยุคใหม่ (Modern Industrial Heritage)
นอกจากนี้ยังมี "Inujima Art House Project" ซึ่งเป็นการผสมผสานศิลปะเข้ากับบ้านเรือนและชุมชนบนเกาะที่น่าสนใจอีกด้วย

เมื่อพูดถึงอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของโอคายามะแล้ว ต้องยกให้เมนู "โอคายามะเดมิ-คัตสึด้ง" ซึ่งเป็นข้าวราดหน้าหมูทอดทงคัตสึร้อนๆ ราดด้วยซอสเดมิกลาสเข้มข้นแบบตะวันตก ที่แตกต่างจากคัตสึด้งทั่วไปในญี่ปุ่นซึ่งราดด้วยไข่ โดยจุดเด่นอยู่ที่รสชาติสไตล์ตะวันตกที่เข้ากันได้ดีกับข้าวญี่ปุ่น ซอสเดมิกลาสของแต่ละร้านยังมีรสชาติแตกต่างกันไป ตั้งแต่แบบเปรี้ยวอมหวานสดชื่นที่ผสมมะเขือเทศ ไปจนถึงแบบข้นครีมเข้มข้นจัดเต็ม
ในเมืองโอคายามะมีร้านอาหารหลายแห่งที่ให้บริการเมนูนี้ แนะนำให้ลองชิมเปรียบเทียบรสชาติจากหลายๆ ร้าน รับรองว่าสนุกแน่นอน

เมนูขึ้นชื่อของเมืองสึยามะ จังหวัดโอคายามะคือ "สึยามะโฮรุมงอุด้ง" ซึ่งเป็นการนำเครื่องในวัวสดใหม่หลากหลายชนิดมาผัดบนกระทะร้อนพร้อมกับเส้นอุด้งและผักต่างๆ คลุกเคล้ากับซอสสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมหลักเป็นมิโซะหรือโชยุ
เมนูนี้เคยได้รับรางวัลจากการประกวดอาหารท้องถิ่น "B-1 Grand Prix" ทำให้มีแฟนคลับจากทั่วญี่ปุ่นเดินทางมาลิ้มลอง
ปัจจุบันมีร้านอาหารในเมืองสึยามะกว่า 50 ร้านที่จำหน่ายสึยามะโฮรุมงอุด้ง โดยแต่ละร้านต่างใช้ซอสสูตรเฉพาะของตัวเอง รวมถึงผักที่เข้ากันได้ดีที่สุดกับซอส ทำให้แต่ละร้านมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
ขอแนะนำให้มาลิ้มลองเครื่องในวัวที่กรุบกรอบ และเต็มไปด้วยรสชาติของน้ำเนื้อเข้มข้นในถิ่นกำเนิดอย่างเมืองสึยามะกันเถอะ